การละเล่นพื้นบ้านภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ( ภาคอีสาน )
ก๊อกล๊อต
ภาค
: ตะวันออกเฉียงเหนือ
จังหวัด : เลย
อุปกรณ์และวิธีเล่น : อุปกรณ์ที่เล่นประกอบด้วยแผ่นไม้กระดานแผ่นเรียบ
๑ แผ่น ไม้ขนาดหน้าสาม ๑ ท่อนและเหรียญบาทหรือเหรียญห้าบาท หรือเหรียญสิบบาท
วิธีการเล่น
เริ่มโดยเตรียมสถานที่เป็นที่โล่งแล้วนำไม้กระดานแผ่นเรียบไปพิงไว้ที่ใดที่หนึ่งให้ทำมุมเฉียง
๔๕ องศา ต่อจากนี้นำไม้หน้าสามไปวางเป็นแนวนอนให้อยู่ตรงข้ามกับไม้กระดานแผ่นเรียบโดยให้ห่างจากกันประมาณ
๑ เมตร
เมื่อเตรียมทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยผู้เล่นจะมีจำนวนกี่คนก็ได้เข้าแถวเพื่อรอคิวกลิ้งเหรียญจากแผ่นไม่กระดานแผ่นเรียบไปกระทบแผ่นไม้หน้าสาม
การตัดสิน หากเหรียญของผู้เล่นคนใดกรกระเด็นออกไปไกลที่สุดก็จะถือว่าเป็นผู้ชนะ
รางวัล คือเหรียญทั้งหมดที่มีผู้ลงเล่นในแต่ละครั้ง
แต่การละเล่นก๊อกล๊อตมีเงื่อนไขข้อหนึ่งว่าการใช้เหรียญเพื่อแข่งขันผู้เล่นต้องใช้เหรียญประเภทเดียวกัน
โอกาสหรือเวลาที่เล่น : นิยมเล่นในช่วงเดือนเมษายนของทุกปีคือเทศกาลสงกรานต์
คุณค่า/แนวคิด/สาระ : การละเล่นก๊อกล๊อตมิใช่การละเล่นที่มุ่งเพื่อการพนัน
แต่เป็นการละเล่นเพื่อความสนุกสนาน คลายความเครียดความเหน็ดเหนื่อยหลังจาก
ฤดูเก็บเกี่ยวข้าว อีกทั้งเป็นการเชื่อมความสมัครสมานสามัคคี
งูกินหาง
ภาค : ตะวันออกเฉียงเหนือ
จังหวัด : ร้อยเอ็ด
อุปกรณ์และวิธีเล่น : การเล่นงูกินหางไม่มีอุปกรณ์การเล่นใดๆ
สามารถเล่นได้ทุกโอกาส จะมีเล่นทั้งเด็กและผู้ใหญ่
ส่วนมากผู้ใหญ่จะเล่นในเทศกาลสำคัญ เช่น สงกรานต์
ส่วนเด็กๆจะเล่นทุกโอกาสที่เด็กๆรวมตัวกัน ซึ่งมีวิธีการเล่นดังนี้
เริ่มเล่นเมื่อผู้เล่นพร้อมกันแล้วจะเริ่มด้วยการเสี่ยง
ถ้าใครแพ้คนนั้นก็จะออกเป็นพ่องู ส่วนผู็ชนะก็จะได้เป็นแม่งูและลูกงู
ส่วนมาในกลุ่มผู้เล่นจะเลือกเอมคนที่มีร่างกายแข็งแรงหรือรูปร่างใหญ่ในทีมเป็นแม่งู
เพื่อเอาไว้ป้องกันลูกงู เมื่อได้ผู้เล่นแล้วพ่องูและแม่งูจะยืนหันหน้าเข้าหากัน
ส่วนแม่งูจะมีลูกงูกอดเอวต่อแถวไปข้างหลังแล้วพ่องูจะเริ่มถามแม่งูว่า
พ่องู : " แม่งูเอ๋ยกินน้ำบ่อไหน"
แม่งู : " กินน้ำบ่อโสกโยกไปโยกมา" พร้อมแสดงอาการส่ายตัวไปมา
พ่องู : " แม่งูเอ๋ยกินน้ำบ่อไหน"
แม่งู : " กินน้ำบ่อหินบินไปก็บินมา" พร้อมแสดงอาการบินไปบินมา
พ่องู : " แม่งูเอ๋ยกินน้ำบ่อไหน"
แม่งู : " กินน้ำบ่อทรายย้ายไปย้ายมา" พร้อมแสดงอาการส่ายตัวไปมา
พ่องู : " กินหัวกินหางกินกลางตลอดตัว"
เมื่อพ่องูกล่าวเสร็จ
พ่องูจะเริ่มไล่จับลูกงูที่กอดเอวแม่งูอยู่
ส่วนแม่งูก็จะพยายามป้องกันไม่ให้พ่องูไปแย่งลูกงูได้
เมื่อพ่องูจับลูกงูคนใดได้ลูกงูก็จะออกมายืนอยู่ต่างหากเพื่อรอเล่นรอบต่อไป
ส่วนพ่องูจะพยายามแย่งลูกงูให้ได้หมดทุกตัวจึงจะถือว่าจบการเล่นรอบหนึ่ง
เมื่อพ่องูจับลูกงูได้ทุกตัวแล้วก็จะเริ่มเล่นใหม่
โดยพ่องูคนเดิมจะกลับไปเป็นแม่งูในรอบต่อไป
คุณค่า/แนวคิด/สาระ : ๑. ให้ความสนุกสนานในกลุ่มผู้เล่น
๒. ฝึกให้เกิดความสามัคคีในกลุ่มผู้เล่น
๓. ฝึกฝนการต่อสู้และการหลบหลีกภัยที่เกิดกับตน
๔. ฝึกการทำงานเป็นกลุ่มตั้งแต่วัยเด็ก
๕. ได้ออกกำลังกาย ทำให้ร่างกายแข็งแรง
เดินกะลา
ภาค : ตะวันออกเฉียงเหนือ
จังหวัด : ยโสธร
อุปกรณ์ : ประกอบด้วยกะลาสองอันขนาดเท่าๆกัน
เจาะรูตรงกลางแล้วใช้เชือกหนึ่งเส้นยาวประมาณ ๒-๓ เมตร หรือพอเหมาะกับผู้เล่น
ปลายแต่ละข้างสอดเข้าไปในรูกะลาที่เจาะไว้
โดยคว่ำกะลาแล้วผูกปมเชือกไว้ให้โตกว่ารูของกะลาเพื่อกันเชือกหลุดเวลาเล่น
วิธีการเล่น
ผู้เล่นจะขึ้นไปยืนบนกะลาโดยใช้นิ้วหัวแม่เท้าและนิ้วชี้คีบเชือกบนกะลา
มือสองข้างดึงเชือกให้ตึง และเดินแข่งขันกัน
โอกาสหรือเวลาที่จะเล่น : เล่นได้ทุกโอกาส
แต่มักจะมีการเล่นเมื่อมีงานเทศกาลต่างๆ
คุณค่า/แนวคิด/สาระ : เพื่อความสนุกสนาน และความสามัคคีในหมู่คณะ
โปงลาง
ภาค : ตะวันออกเฉียงเหนือ
จังหวัด : กาฬสินธุ์
อุปกรณ์ : การเล่นโปงลางต้องประกอบไปด้วยดนตรีพื้นบ้าน
ได้แก่ แคน ซอ พิณ หมากกั๊บเก็บ กลอง ไห
นอกจากนี้ปัจจุบันได้พัฒนาขึ้นโดยมีนักร้องและผู้ร่ายรำประกอบเสียงดนตรีในวงโปงลางอีกด้วย
วิธีการเล่น
ทำนองลายโปงลางที่บรรเลงนั้น
ได้จากการเลียนเสียงธรรมชาติและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวอีสาน เช่น
๑. สายลมพัดพร้าว
ลีลาของเพลงแสดงถึงเสียงลมที่พัดมาถูกใบมะพร้าวจะแกว่งสะบัดตามแรงลมกลายเป็นเสียงและลีลาที่น่าฟังยิ่ง
๒. ลายโปงลาง
ลีลาของเพลงนี้จะทำให้ผู้ฟังนึกถึงเสียงกระดิ่งผูกคอวัวที่ดังอยู่ไม่ขาดระยะมองเป็นวัวเดินตามกันเป็นทิวแถวข้ามทุ่ง
๓. ลายช้างขึ้นภู
ลีลาของเพลงจะมีความเนิบช้าสง่างาม
เหมือนลีลาการเดินของช้างที่กำลังเดินขึ้นภูเขาสูง
๔. ลายแมลงภู่ตอมดอกไม้ ลีลาของเพลงจะทำให้มองเห็นภาพของแมลงภู่ที่บินวนเดูดน้ำหวายจากเกสรดอกไม้เป็นหมู่ๆ
พร้อมกับส่งเสียงร้องด้วยความสดชื่นรื่นเริง
๕. ลายนกไซบินข้ามทุ่ง
ลีลาของเพลงบรรยายถึงลีลาของนกที่บินเป็นหมู่ข้ามท้องทุ่งอันเขียวขจีด้วยนาข้าว
๖. ลายแม่ฮ้างกล่อมลูก
ลีลาของเพลงสะท้อนให้เป็นถึงความอ้างว้างว้าเหว่ของหญิงที่ถูกสามีทอดทิ้งต้องกล่อมลูกอยู่เดียวดายตามลำพัง
๗. ลายภูไทยเลาะตูบ
ลีลาของเพลงแสดงถึงภาพชีวิตของหนุ่มชาวภูไทที่มักจะแวะเวียนไปพูดกับหญิงสาวตามบ้านต่างๆในเวลาค่ำ
นอกจากนั้นยังมีลาย กาเต้นก้อน
จะไข้เทียบเสียงโปงลางแต่ละลูกหลังจากทำเสร็จเรียบร้อย ซึ่งถือเป็นลายครูของโปงลาง
และลายอื่นๆอีกซึ่งถือเป็นลายหลัก คือลายอ่านหนังสือใหญ่ อ่านหนังสือน้อย ลายสร้อย
และลายเซ
ซึ่งเพียงฟังจากชื่อก็จะรับรู้ถึงท่วงทำนองของเพลงที่กลั่นกรองมาจากชีวิตพื้นบ้านและธรรมชาติรอบข้าง
คุณค่า/แนวคิด/สาระ :
โปงลาง
เป็นเครื่องดนตรีพื้นเมืองของอีสานชนิดหนึ่งที่ถือกำเนิดที่จังหวัดกาฬสินธุ์
จึงถือเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดกาฬสินธุ์ มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ
โดยเฉพาะผู้สืบทอดและอนุรักษ์ไว้ คือ นายเปลื้อง ฉายรัศมี ศิลปินแห่งชาติ
โปงลางจึงควรแก่การอนุรักษ์และถ่ายทอดให้เยาวชนรุ่นหลังได้ทราบ
และตระหนักถึงคุณค่าของศิลปวัฒนธรรมที่ดีงาม
และคุณความดีของบุคคลที่น่ายึดถือเป็นแบบอย่างสืบทอดไว้ตราบชั่วกาลนาน
ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.prapayneethai.com/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%89%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B7%E0%B8%AD
อ้างอิง : https://sites.google.com/site/thaitraditionalgames/page1/kar-la-len-phun-ban-phakh-xisan
อ้างอิง : https://sites.google.com/site/thaitraditionalgames/page1/kar-la-len-phun-ban-phakh-xisan
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น